เมนูนำทาง
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ: สายลมทองคำ รายชื่อตอนตอนที่ (ของฤดูกาล) [lower-alpha 53] | ตอนที่ (ของซีรีส์) [lower-alpha 54] | ชื่อตอน[lower-alpha 55] | ผู้เขียนบท | วันที่ออกอากาศ[11] |
---|---|---|---|---|
1 | 114 | "โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ Gold Experience / Golden Wind 黄金体験 (ゴールド・エクスペリエンス) (Gōrudo Ekusuperiensu)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 (เปิดตัวในงานอนิเมะเอ๊กซ์โป) 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561[1] |
ในปี ค.ศ. 2001 สองปีหลังจากเหตุการณ์ในภาค 4 เพชรแท้ไม่มีวันสลาย ฮิโรเสะ โคอิจิเดินทางไปเมืองนีอาโปลิส (เนเปิลส์) ประเทศอิตาลี โดยได้รับการไหว้วานจากคูโจ โจทาโร่ให้ตามหาชายหนุ่มชื่อชิโอบานะ ฮารูโนะ เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน กระเป๋าเดินทางของโคอิจิก็ถูกขโมยโดยชิโอบานะ ฮารูโนะที่เรียกตัวเองด้วยชื่อว่าโจรูโน่ โจบาน่า โจรูโน่แปลงกระเป๋าเดินทางของโคอิจิให้เป็นกบแล้วหลบหนีไป แต่ต่อมาโจรูโน่ได้เผชิญหน้ากับอันธพาลชื่อลูก้าเจ้าน้ำตา ลูก้าพยายามจะฆ่าโจรูโน่ด้วยพลั่ว แต่เมื่อใช้พลั่วตีโดนกบลูก้ากลับโดนแรงตีสะท้อนกลับเข้าตัวเอง ภายหลังโคอิจิไล่ตามโจรูโน่ทันแล้วใช้สแตนด์เอคโค่ส์ แต่โจรูโน่หนีไปโดยใช้สแตนด์โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ โคอิจิติดต่อโจทาโร่เพื่อเล่าเรื่องที่เกิด แล้วจึงได้รู้ความจริงจากโจทาโร่ว่าโจรูโน่เป็นลูกชายของดีโอ บรันโด ฝ่ายโจรูโน่ขึ้นไปบนรถเคเบิลคาร์ แล้วเผชิญหน้ากับโบรโน่ บูจาราตี้ที่สงสัยว่าโจรูโน่คือคนที่ทำร้ายลูก้าซึ่งถูกฆ่าในภายหลังโดยคำสั่งของบอส บูจาราตี้ใช้ความสามารถของสแตนด์สติ๊กกี้ ฟิงเกอร์สเพื่อเค้นความจริงจากโจรูโน่ | ||||
2 | 115 | "บูจาราตี้ออกโรง Bucciarati Is Coming ブチャラティが来る (Bucharati ga Kuru)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 25 กันายายน พ.ศ. 2561 (เปิดตัวที่ Lumine) 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561 |
ในฉากเล่าเรื่องย้อนอดีตได้เผยว่าโจรูโน่ในวัยเด็กเคยถูกพ่อเลี้ยงทำทารุณกรรมและเคยถูกเด็กคนอื่น ๆ กลั่นแกล้ง แต่ทั้งพ่อเลี้ยงและเด็กคนอื่น ๆ ก็ทำดีด้วยกับโจรูโน่ในภายหลังจากที่โจรูโน่ช่วยชีวิตอันธพาลที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่ง และทำให้โจรูโน่มีเหตุผลที่จะใช้ชีวิตต่อไป กลับมาที่ฉากปัจจุบัน โจรูโน่เผชิญหน้ากับสติ๊กกี้ ฟิงเกอร์ส สแตนด์ของบูจาราตี้ โจรูโน่ใช้สแตนด์โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ป้องกันตัว และให้สติของบูจาราตี้เตลิดหลังจากถูกชก บูจาราตี้จึงใช้ซิปสร้างมิติบิดเบี้ยวและพยายามหลบหนีเข้าไปในร่างกายของคนอื่น แต่โจรูโน่ก็ติดตามตัวจนเจอโดยการแปลงฟันซี่หนึ่งของบูจาราตี้ให้เป็นแมลงวัน แต่แทนที่โจรูโน่จะเอาชนะบูจาราตี้กลับถามบูจาราตี้เพื่อขอเข้าร่วมองค์กรของบูจาราตี้เพื่อจะปราบบอสและเข้าปกครองเมืองแทน | ||||
3 | 116 | "ไปหามาเฟียในคุก Meet the Gangster Behind the Wall 塀の中のギャングに会え (Hei no Naka no Gyangu ni Ae)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 |
บูจาราตี้ตกลงที่แนะนำโจรูโน่เข้าองค์กรพาสซิโอเน่[lower-alpha 56] แต่ตัวโจรูโน่ต้องผ่านการประเมินของโปรูโป้เสียก่อน โจรูโน่ได้เข้าพบโปรูโป้ที่เป็นผู้บริหารงานขององค์กร[lower-alpha 57]ร่างอ้วนที่อาศัยอยู่ในคุก และได้รู้ว่าโปรูโป้เป็นผู้ใช้สแตนด์ โปรูโป้ได้มอบหมายให้โจรูโป้ปกป้องเปลวไฟที่จุดบนไฟแช็คเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อพิสูจน์ความไว้วางใจ โจูโน่กลับไปหอพักพร้อมกับไฟแช็ค แต่โคอิจิได้ลอบเข้ามาในห้องพักของโจรูโน่เพื่อหาหนังสือเดินทางของตน โจรูโน่จึงนำไฟแช็คหนีออกมานอกหอพัก แต่เปลวไฟของไฟแช็คกลับถูกภารโรงดับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ภารโรงจุดไฟที่ไฟแช็คอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นแสตนด์ของโปรูโป้ชื่อแบล็ค แซบบาธได้ปรากฏตัวขึ้นและฆ่าภารโรงโดยการใช้ลูกธนูแทงผ่านวิญญาณของภารโรง จากนั้นจึงหันมาโจมตีโจรูโน่ | ||||
4 | 117 | "เข้าแก๊งค์ Joining the Gang ギャング入門 (Gyangu Nyūmon)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 |
หลังจากการโจมตีครั้งแรกของแบล็ค แซบบาธ โจรูโน่ก็อนุมานได้ว่าสแตนด์มีจุดอ่อนคือแสงแดดจึงต้องอยู่ภายในเงาที่ร่ม ฝ่ายโคอิจิก็กลายเป็นเป้าถูกโจมตีหลังจากเห็นไฟแช็คถูกจุดขึ้นอีกครั้งเช่นกัน และโคอิจิก็ได้รู้ว่าแบล็ค แซบบาธเป็นสแตนด์ควบคุมระยะไกล และมีลูกธนูแบบเดียวกันกับลูกธนูที่สร้างแสตนด์ให้โคอิจิ แบล็ค แซบบาธจับตัวโจรูโน่ได้ในเงาของต้นไม้ แต่โจรูโน่ได้ใช้โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์เร่งการเติบโตของต้นไม้จนแห้งตายสลายไป ดึงแบล็ค แซบบาธมายังแสงอาทิตย์และสลายไป วันต่อมา โจรูโน่เข้าเยี่ยมโปรูโป้อีกครั้ง โปรูโป้ตัดสินให้โจรูโน่ผ่านการทดสอบและรับโจรูโน่เข้าองค์กรพาสซิโอเน่ ขณะเดียวกันโจรูโน่ได้เปลี่ยนปืนกระบอกหนึ่งของโปรูโป้ให้กลายเป็นกล้วย เมื่อโปรูโป้จะกินกล้วยในวันถัดมา กล้วยจึงเปลี่ยนกลับเป็นปืนและลั่นกระสุนใส้โปรูโป้จนตาย ฝ่ายโคอิจินับถือความตั้งใจของโจรูโน่จึงเก็บความลับเรื่องแผนของโจรูโน่ไว้ไม่แจ้งให้โจทาโร่ทราบ ต่อมาบูจาราตี้ได้พาโจรูโน่ไปพบกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมของตนที่ล้วนแต่เป็นผู้ใช้สแตนด์ | ||||
5 | 118 | "ฮุบสมบัติของโปรูโป้ Find Polpo's Fortune! ポルポの遺産を狙え! (Porupo no Isan o Nerae!)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 |
ข่าวการฆ่าตัวตายของโปรูโป้ได้มาถึงองค์กร พร้อมกับข่าวลือว่าบูจาราตี้ได้ซ่อนสมบัติของโปรูโป้ไว้ ขณะเดียวกัน โจรูโน่ได้แนะนำตัวกับสมาชิกคนอื่นในทีมของบูจาราตี้ ได้แก่ เลโอเน่ อาบัคคิโอ้, นารันช่า กิลเกอร์, กุยโด้ มิซูต้า และปันนาก็อตต้า ฟูโก้ เมื่อบูจาราตี้รู้ข่าวการตายของโปรูโป้จึงพาทั้งทีมขึ้นเรือยอทช์ไปเกาะคาปรี (กาปรี) เพื่อไปรับสมบัติของโปรูโป้มาแลกกับตำแหน่งผู้บริหารงาน ทันใดนั้นนารันช่า มิซูต้า และฟูโก้ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้บูจาราตี้สงสัยว่ามีใครบางคนพุ่งเป้ามาที่ตนเพื่อหวังสมบัติ โจรูโน่สันนิษฐานว่าคนอื่น ๆ ยังมีชีวิตอยู่ แล้วจึงสละตนเป็นเหยื่อล่อให้สแตนด์ของศัตรูโผล่ออกมา กระตุ้นอาบัคคิโอ้ที่ตอนแรกยังไม่เชื่อใจโจรูโน่ให้เรียกสแตนด์ของตนออกมา | ||||
6 | 119 | "มู้ดดี้ บลูส์ จู่โจมกลับ Moody Blues' Counterattack / Moody Jazz's Counterattack ムーディー・ブルースの逆襲 (Mūdī Burūsu no Gyakushū)" | คาซุยากิ ฟุเดยาสุ | 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 |
ในฉากเล่าเรื่องย้อนอดีตของอาบัคคิโอ้ได้เผยว่าอาบัคคิโอ้เคยเป็นตำรวจผู้ทำหน้าที่อย่างสุจริต แต่เมื่อเขาได้รับสินบนจากอันธพาลผู้หนึ่งซึ่งภายหลังเป็นผู้ฆ่าตำรวจเพื่อนร่วมงานของอาบัคคิโอ้ อาชีพตำรวจของอาบัคคิโอ้จึงได้สิ้นสุดลง ต่อมาอาบัคคิโอ้จึงได้เข้าร่วมพาสซิโอเน่โดยการทาบทามของบูจาราตี้ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน อาบัคคิโอ้ใช้สแตนด์มู้ดดี้ บลูส์ เพื่อรีเพลย์การกระทำของนารันช่าในช่วงห้านาทีล่าสุด อาบัคคิโอ้และบูจาราตี้อนุมานได้ว่าสแตนด์ของศัตรู ซอฟท์ แม็ชชีน มีความสามารถในการทำให้ศัตรูตัวยุบแบนลงเหมือนลูกโป่งแฟบลมแล้วดึงเข้าไปในพื้นที่แคบ อาบัคคิโอ้สงสัยว่ามีความลับอีกหนึ่งข้อเกี่ยวกับความสามารถของซอฟท์ แม็ชชีนจึงยอมสละตนให้สแตนด์ศัตรูจับได้แล้วทิ้งรอยเลือดให้บูจาราตี้เห็นว่าผู้ใช้สแตนด์ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน บูจาราตี้จึงเริ่มทำการปล่อยน้ำท่วมเรือยอทช์ให้เรือค่อย ๆ จม บีบให้ผู้ใช้สแตนด์ชื่อมาริโอ สเกลโล่ให้ออกมาจากที่ซ่อน จากนั้นบูจาราตี้จึงให้สเกลโล่หมดสภาพต่อสู้โดยการรูดซิปแยกศีรษะออกจากตัว ช่วยคนอืน ๆ ในทีมได้สำเร็จ | ||||
7 | 120 | "เซ็กส์ พิสเทิลส์ เผยโฉม ตอน 1 Sex Pistols Appears, Part 1 / Six Bullets Appears, Part 1 セックス・ピストルズ登場 その① (Sekkusu Pisutoruzu Tōjō Sono 1)" | คาซุยากิ ฟุเดยาสุ | 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 |
กลุ่มของบูจาราตี้พยายามเค้นข้อมูลจากสเกลโล่แต่ไม่เป็นผล อาบัคคิโอ้จึงใช้สแตนด์มู้ดดี้ บลูส์รีเพลย์การกระทำของสเกลโล่ จึงได้รู้ว่าคู่หูของสเกลโล่ได้ไปรอเรือของพวกเขาอยู่ที่เกาะคาปรีแล้ว โจรูโน่จึงใช้สแตนด์พาตนและมิซูต้าล่วงหน้าไปที่เกาะเพื่อค้นหาคู่หูของสเกลโล่ก่อนที่เรือจะไปถึงเกาะ ด้วยความช่วยเหลือของโจรูโน่ มิซูต้าจึงได้ใช้สแตนด์เซ็กส์ พิสเทิลส์ค้นหาตำแหน่งของคู่หูของสเกลโล่ที่ชื่อซาเร่ได้สำเร็จ แล้วไล่ตามซาเร่ขึ้นไปบนรถบรรทุกที่ออกวิ่ง | ||||
8 | 121 | "เซ็กส์ พิสเทิลส์ เผยโฉม ตอน 2 Sex Pistols Appears, Part 2 / Six Bullets Appears, Part 2 セックス・ピストルズ登場 その② (Sekkusu Pisutoruzu Tōjō Sono 2)" | คาซุยากิ ฟุเดยาสุ | 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 |
ในฉากเล่าเรื่องย้อนอดีตได้เผยว่ามิซูต้าเป็นอันธพาลหนุ่มผู้ไร้ความกังวลซึ่งได้พบว่าเมื่อมีใครยิงปืนใส่เขากระสุนจะพลาดทุกนัด กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันบนเกาะคาปรี มิซูต้าปืนขึ้นไปบนหลังคารถบรรทุกที่แล่นขึ้นเขา และเผชิญหน้ากับซาเร่และสแตนต์คราฟท์ เวิร์ค สแตนด์ของซาเร่ซึ่งมีความสามารถตรึงวัตถุและมนุษย์ให้อยู่กับที่ ทำให้ซาเร่สามารถหยุดกระสุนที่มิซูต้ายิงใส่ก่อนที่เจาะกะโหลกได้ มิซูต้าใช้เซ็กส์ พิสเทิลส์ทำให้ซาเร่ตกจากรถบรรทุกไป แต่ซาเร่ก็ไล่ตามมิซูต้ามาทันและทำร้ายมิซูต้าโดยใช้กระสุนของมิซูต้าเอง ซาเร่จะจัดการมิซูต้าด้วยกระสุนนัดสุดท้าย แต่มิซูต้าก็ได้ให้เซ็กส์ พิสเทิลส์เข้าควบคุมทิศทางกระสุนแล้วแบ่งกระสุนเป็นสองส่วน ชิ้นส่วนกระสุนได้เข้าไปดันกระสุนที่ซาเร่หยุดไว้ก่อนหน้านี้ให้ฝังลึกเข้าไปในกะโหลก ทำให้ซาเร่หมดสภาพต่อสู้ในที่สุด จากนั้นมิซูต้าจึงบังคับให้คนขับรถบรรทุกกลับไปยังท่าเรือ มิซูต้านำตัวซาเร่ที่โชกเลือดเข้าไปในห้องสังเกตการณ์เรือ ฝ่ายโจรูโน่ไม่ได้สังเกตว่ามิซูต้ากลับมายังท่าเรือแล้ว จึงได้บังคับคนขับรถบรรทุกคนเดียวกันนี้ให้ขับรถกลับขึ้นไปยังภูเขาเพื่อตามหามิซูต้า | ||||
9 | 122 | "คำสั่งข้อที่ 1 จากบอส The First Mission from the Boss ボスからの第一指令 (Bosu Kara no Dai-ichi Shirei)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 |
กลุ่มของบูจาราตี้ได้รวมตัวอีกครั้งที่เกาะคาปรี และได้พบกับเปรีโกโร่ หนึ่งในผู้บริหารงานของพาสซิโอเน่ซึ่งปลอมตัวเป็นภารโรง บูจาราตี้ได้ส่งมอบสมบัติของโปรูโป้ซึ่งซ่อนไว้ในห้องสุขาชายให้เปรีโกโร่ เปรีโกโร่จึงตั้งให้บูจาราตี้เป็นผู้บริหารงาน และได้สิทธิครอบครองเขตอิทธิพล[lower-alpha 58]ของโปรูโป้ ภารกิจแรกที่กลุ่มของบูจาราตี้ให้รับมอบหมายคือการคุ้มครองทริช อูน่า ลูกสาวของบอสของพาสซิโอเน่ที่ตัวตนเป็นปริศนา ให้ปลอดภัยจากผู้ทรยศภายในองค์กรซึ่งกำลังพยายามจะโค่นล่มบอสและค้นหาเบาะแสที่นำไปถึงตัวตนของบอส เมื่อกลุ่มของบูจาราตี้กลับมาที่เมืองนีอาโปลิส โฮลูมาจิโอ้ หนึ่งในกลุ่มผู้ทรยศ ได้สะกดรอยตามนารันช่าที่ออกมาซื้อของ โฮลูมาจิโอ้เข้าไปสู้นารันช่าและสามารถสรุปได้ว่ากลุ่มของบูจาราตี้กำลังคุ้มครองทริชอยู่ นารันช่าพยายามจัดการโฮลูมาจิโอ้โดยใช้สแตนด์แอร์โรว์สมิธ แต่โฮลูมาจิโอ้ใช้สแตนด์ลิตเติ้ลฟี้ตทำให้ตัวเองตัวเล็กลงแล้วซ่อนตัวในกระเป๋าของนารันช่า | ||||
10 | 123 | "ทีมนักฆ่า Hitman Team 暗殺者 (ヒットマン)チーム (Hittoman Chīmu)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 7 ธันวาคม พ.ศ. 2561 |
นารันช่าพบว่าตนเองกำลังตัวหดเล็กลงอย่างช้า ๆ อันเป็นผลจากบาดแผลจากการโจมตีของแสตนด์ลิตเติ้ลฟี้ต เมื่อโฮมาลูจิโอ้ป้องกันไม่ให้นารันช่าใช้โทรศัพท์สาธารณะติดต่อให้กลุ่มบูจาราตี้ ทำให้นารันช่ารู้ว่าโฮลูมาจิโอ้ซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ จึงใช้สแตนด์แอร์โรว์สมิธติดตามจนพบตัวและไล่ต้อนโฮลูมาจิโอ้ลงไปในท่อระบายน้ำ ในฉากเล่าเรื่องย้อนอดีตเมื่อสองปีก่อน โฮลูมาจิโอ้ใช้ความสามารถของแสตนด์ในการลอบสังหารเป้าหมาย จากนั้นจึงกลับไปรวมตัวกับทีมนักฆ่า สมาชิกในทีมนักฆ่าได้สังเกตว่าสมาชิกสองคนคือโซลูเบ้[lower-alpha 59]และเจลาร์ด[lower-alpha 60]ได้หายตัวไป จึงกังวัลกันว่าพวกเขาอาจจะถูกฆ่าเพราะกำลังตามสืบอดีตของบอส ภายหลังทีมนักฆ่าได้พบร่างที่เสียชีวิตแล้วของเจลาร์ดพร้อมกระดาษที่เขียนข้อความว่า "สำเร็จโทษ" ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับชิ้นส่วนร่างกายของโซลูเบ้ที่ถูกตัดตามขวางเป็นชิ้นแล้วเก็บไว้ในกรอบรูป พวกเขาจึงยกเลิกแผนการจะโค่นล้มบอส จนกระทั่งพวกเขาได้รู้ว่าบอสมีลูกสาวคือทริช กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน โฮลูมาจิโอ้อนุมานได้ว่าความสามารถของแอร์โรว์สมิธคือการตรวจจับลมหายใจของเป้าหมาย โฮลูมาจิโอ้จึงพยายามหลบหนีโดยปะปนในฝูงหนู แต่กลับกลายเป็นเป้าโจมตีของแอร์โรว์สมิธอีกครั้งเพราะหนูตัวที่เขาขี่หายใจแรงกว่าปกติ โฮลูมาจิโอ้รอดชีวิตจากการโจมตีมาได้โดยการคืนขนาดร่างของตนให้เท่าเดิม ในขณะที่แอร์โรว์สมิธมีขนาดเล็กลงพร้อมกับนารันช่าทำให้กระสุนมีผลต่อโฮลูมาจิโอ้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น | ||||
11 | 124 | "แอร์โรว์สมิธของนารันช่า Narancia's Aerosmith / Narancia's Li'l Bomber ナランチャのエアロスミス (Narancha no Earosumisu)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561 |
ในฉากเล่าเรื่องย้อนอดีตเผยว่านารันช่าเคยเป็นเด็กข้างถนนจนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากฟูโก้และบูจาราตี้ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันโฮลูมาจิโอ้ได้ขังนารันช่าที่มีขนาดเล็กลงไว้ในขวดที่มีแมงมุมเพื่อบังคับให้นารันช่าเผยที่ซ่อนตัวของทริช แต่ก่อนหน้านี้นารันช่าใช้สแตนด์แอร์โรว์สมิธยิงถูกรถยนต์ทำให้ต่อมาไม่นานรถยนต์จึงเกิดระเบิดขึ้น เป็นผลทำให้โฮลูมาจิโอ้ถูกเปลวไฟจากระเบิดเผาร่าง และร่างกายของนารันช่าก็ได้กลับคืนสู่ขนาดเดิม โฮลูมาจิโอ้ลดขนาดร่างของตัวเองลงพร้อมกับใช้เลือดของตัวเองดับไฟที่เผาร่าง จากนั้นจึงพยายามหลบหนีโดยอาศัยประโยชน์จากควันไฟที่รบกวนเรดาร์ติดตามของนารันช่า แต่นารันช่าก็ใช้แอร์โรว์สมิธทำให้เกิดไฟเพิ่มมากขึ้นล้อมโฮลูมาจิโอ้ไม่ให้หนี ในที่สุดก็สังหารโฮลูมาจิโอ้ได้สำเร็จ เมื่อนารันช่ากลับมาที่สวนองุ่น บูจาราตี้ได้รับข้อความจากบอสให้เดินทางไปยังซากเมืองปอมเปอี เพื่อไปเอากุญแจจากบริเวณภาพสุนัขบนพื้นสำหรับใช้กับพาหนะในการคุ้มกันทริชไปยังที่ปลอดภัย | ||||
12 | 125 | "คำสั่งข้อที่ 2 จากบอส The Second Mission from the Boss ボスからの第二指令 (Bosu Kara no Daini Shirei)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561 |
โจรูโน่, ฟูโก้ และอาบัคคิโอ้มาถึงซากเมืองปอมเปอีเพื่อค้นหากุญแจสำหรับพาหนะพิเศษ พวกเขาเดินผ่านกระจกประหลาดในซากเมือง ทันใดนั้นฟูโก้ก็ถูกดึงเข้าไปในโลกกระจายโดยสมาชิกทีมนักฆ่าชื่ออิลลูโซ่และสแตนด์ชื่อ แมน อิน เดอะ มิเรอร์ ฟูโก้เรียกสแตนด์ของตนชื่อเพอร์เพิล เฮซ แต่สแตนด์กลับปรากฏในโลกจริงที่มีโจรูโน่และอาบัคคิโอ้อยู่แทนที่จะเป็นในโลกกระจกที่เขาถูกดึงเข้ามา ในฉากเล่าเรื่องย้อนอดีตเผยว่าความเป็นคนอารมณ์ร้อนของฟูโก้ทำให้เขาเคยก่อเรื่องใช้ความรุนแรง เป็นผลทำให้ถูกครอบครัวตัดขาด ภายหลังจึงเข้าร่วมในกลุ่มของบูจาราตี้ในที่สุด กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน เพอร์เพิล เฮซได้เริ่มปล่อยไวรัสที่อันตรายถึงชีวิตออกมาจากกำปั้น ฝ่ายฟูโก้ได้ทุบกระจกเป็นข้อความเตือนโจรูโน่ โจรูโน่นั้นตั้งใจที่ช่วยเหลือฟูโก้ แต่อาบัคคิโอ้ไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าการไปเอากุญแจสำคัญกว่า | ||||
13 | 126 | "แมน อิน เดอะ มิเรอร์ & เพอร์เพิล เฮซ Man in the Mirror and Purple Haze / Mirror Man and Purple Smoke マン・イン・ザ・ミラーとパープル・ヘイズ (Man in za Mirā to Pāpuru Heizu)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561 |
อาบัคคิโอ้พยามจะเอากุญแจมา แต่อิลลูโซ่ใช้เศษกระจกใกล้ ๆ ดึงอาบัคคิโอ้เข้ามาในโลกกระจก แต่อาบัคคิโอ้ก็ลวงอิลลูโซ่โดยให้สแตนด์มู้ดดี้ บลูส์เข้าไปในโลกกระจกแทนตน ทว่าอิลลูโซ่ก็โต้กลับโดยการให้อาบัคคิโอ้และมู้ดดี้ บลูส์อยู่ในโลกกระจกและโลกจริงแห่งละครึ่งร่าง อาบัคคิโอ้ตัดสินใจตัดมือตนเองอันเป็นการตัดมือมู้ดดี้ บลูส์ไปด้วย แล้วใช้ความสามารถของมู้ดดี้ บลูส์นำมือที่ถูกตัดของมู้ดดี้ บลูส์กำกุญแจไปส่งให้โจรูโน่ อิลลูโซ่จึงดึงโจรูโน่เข้ามาในโลกกระจกเพื่อจะฆ่าชิงกุญแจ แต่โจรูโน่ทำให้ตนเองติดเชื้อไวรัสจากเพอร์เพิล เฮซและทำให้อิลลิโซ่ติดเชื้อไปด้วย อิลลิโซ่เอาตัวรอดโดยการหนีกลับไปยังโลกจริงโดยทิ้งแขนที่ติดเชื้อไว้ในโลกกระจก แต่ก่อนหน้านี้โจรูโน่ได้ใช้สแตนด์โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์เปลี่ยนอิฐก้อนหนึ่งให้เป็นงูแล้วติดตามไปถึงตำแหน่งของอิลลิโซ่ ทำให้ฟูโก้สามารถใช้เพอร์เพิล เฮซติดตามไปและสังหารอิลลูโซ่ได้สำเร็จ เพื่ออิลลิโซ่ตาย ฟูโก้, อาบัคคิโอ้ และโจรูโน่จึงได้คืนสู่โลกจริง โจรูโน่ได้ใช้สารภูมิต้านทานจากตัวงูรักษาการติดเชื้อไวรัสของตนเอง | ||||
13.5 | 126.5 | "การเริ่มต้นของสายลมทองคำ The Beginning of Golden Wind Inizio del Vento Aureo" | ไม่มี | 4 มกราคม พ.ศ. 2562 |
สรุปเหตุการณ์ในตอนที่ 1-12 | ||||
14 | 127 | "ขบวนด่วนพิเศษมุ่งสู่ฟิเรนเซ่ Express Train to Florence フィレンツェ行き超特急 (Firentse Iki Chōtokkyū)" | คาซุยูกิ ฟุเดยาสุ | 11 มกราคม พ.ศ. 2562 |
กลุ่มของบูจาราตี้ปฏิบัติตามข้อคววามบนกุญแจที่ให้พาทริชไปเมืองเวเนเซีย (เวนิช) จึงได้ขับรถไปสถานีรถไฟนีอาโปลีสเพื่อตามหาว่ากุญแจดอกนี้ใช้กับอะไร ขณะเดียวกัน สมาชิกของทีมนักฆ่าสองคนคือโปรชู้ตและเพ็ตซี่ได้ขึ้นมาบนรถไฟเพื่อตามหากลุ่มของบูจาราตี้ ฝ่ายบูจาราตี้ในที่สุดก็พบว่ากุญแจนั้นใช้ประกอบเข้ากับกระดองของเต่าชื่อ โคโค่ จัมโบ้[lower-alpha 61]ที่เจอที่สถานี บูจาราตี้กระโดดขึ้นรถไฟที่กำลังออก ขณะเดียวกับที่ความสามารถสแตนด์ของโคโค่ จัมโบ้ชื่อ มิสเตอร์เพรสสิเดนท์ ได้ดึงบูจาราตี้และคนอื่น ๆ เข้าไปในตัว ฝ่ายโปรชู้ตต้องการตามหากลุ่มของบูจาราตี้จึงใช้สแตนด์เดอะ เกรทฟูล เดดให้แพร่กระจายแก๊สไปทั่วรถไฟ ทำให้ทุกคนบนรถไฟเริ่มแก่ตัวลง ฝ่ายนารันช่าก็แก่ตัวอย่างรวดเร็ว แต่โจรูน่าสังเกตว่าบูจาราตี้ มิซูต้า และทริชแก่ช้ากว่าคนอื่น ๆ เพราะพวกเขาเพิ่งดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ไป โจรูโน่จึงอนุมานได้ว่าแก๊สชราภาพมีผลน้อยต่อคนที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า รวมถึงผู้หญิงเช่นทริช มิซูต้าได้ออกจากตัวเต่าเพื่อตามหาผู้ใช้สแตนด์ แต่เมื่อเขาจะเปิดเครื่องปรับอากาศ ก็ถูกเกี่ยวโดยทันทีโดยสแตนด์คล้ายเบ็ดตกปลาของเพ็ตซี่ชื่อ บีช บอย | ||||
15 | 128 | "เดอะ เกรทฟูล เดด ตอน 1 The Grateful Dead, Part 1 / The Thankful Death, Part 1 偉大なる死 (ザ・グレイトフル・デッド) その① (Za Gureitofuru Deddo Sono 1)" | คาซุยูกิ ฟุเดยาสุ | 18 มกราคม พ.ศ. 2562 |
ตะขอของบีช บอยได้ทะลวงผ่านร่างกายของมิซูต้าจะไปยังสมอง มิซูต้าจึงส่งเซ็กส์ พิสเทิลส์ไปทำลายน้ำแข็งที่เพ็ตซี่ใช้คงความเย็นของร่างกายไม่ให้รับผลจากความสามารถของเดอะ เกรทฟูล เดด เพ็ตซีตกใจจึงทิ้งการโจมตีมิซูต้าและเผลอเผยตำแหน่งของตนเองให้มิซูต้าเจอตัว ขณะเดียวกัน โปรชู้ตใช้ความสามารถของสแตนด์ทำให้ตัวเองแก่ลงเพื่อปลอมตัวและเข้าโจมตีมิซูต้าไม่ให้ทันตั้งตัวทำให้มิซูต้าแก่ตัวด้วยความสามารถของเดอะ เกรทฟูล เดดทันที จากนั้นโปรชู้ตจึงใช้ปืนยิงเจาะศีรษะมิซูต้าสามนัดแล้วปล่อยให้ตาย จากนั้นโปรชู้ตและเพ็ชซี่จึงตรงไปยังห้องคนขับรถไฟ ที่นั่นพวกเขาได้เจอโคโค่ จัมโบ้ เต่าที่มีกลุ่มของบูจาราตี้อยู่ข้างใน อย่างไรก็ตามมิซูต้ายังมีชีวิตอยู่เพราะเซ็กส์ พิสเทิลส์ช่วนยชีวิตไว้ มิซูต้าได้ส่งพิสเทิลส์ตัวหนึ่งให้นำน้ำแข็งก้อนไปให้บูจาราตี้ บูจาราตี้จึงออกมาโต้กลับโปรชู้ต แต่การเคลื่อนไหวของบูจาราตี้ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเพิ่มผลการแก่ตัวของบูจาราตี้ ทำให้โปรชู้ตเข้าจับตัวบูจาราตี้ได้ บูจาราตี้จึงรูดซิปที่ห้องคนขับรถไฟอย่างรวดเร็ว แล้วดึงทั้งโปรชู้ตทั้งตนเองออกไปนอกตัวรถไฟเพื่อปกป้องสมาชิกในกลุ่มไว้ | ||||
16 | 129 | "เดอะ เกรทฟูล เดด ตอน 2 The Grateful Dead, Part 2 / The Thankful Death, Part 2 偉大なる死 (ザ・グレイトフル・デッド) その② (Za Gureitofuru Deddo Sono 1)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 25 มกราคม พ.ศ. 2562 |
เพ็ชซี่ใช้สายของบีช บอยเกี่ยวตัวโปรชู้ตไว้ได้ทัน แต่บูจาราตี้ใช้โอกาสนี้ชิงสายของบีช บอยและผลักโปรชู้ตตกจากรถไฟ แต่โปรชู้ตไปติดอยู้ใต้ท้องรถไฟจึงใช้เดอะ เกรทฟูล เดดเพื่อคงผลของความสามารถไว้ระหว่างที่ตนยังมีชีวิตอยู่ ฝ่ายเพ็ชซี่จะใช้บีช บอยทะลวงร่างกายของบูจาราตี้ให้ไปถึงหัวใจ บูจาราตี้จึงใช้สติ๊กกี้ ฟิงเกอร์สแยกร่างกายตัวเองเป็นชิ้น ๆ ถึงขั้นรูดซิปผ่าหัวใจของตัวเองเพื่อไม่ให้เพ็ชซี่ตรวจจับชีพจรได้ ฝ่ายเพ็ชซี่ได้ตัดสินใจหยุดรถไฟเพื่อลงไปช่วยโปรชู้ต โชคดีที่การหยุดกะทันหันของรถไฟทำให้ชิ้นส่วนร่างกายของบูจาราตี้กลับมารวมกันได้อีกครั้ง บูจาราตี้ออกมาเผชิญหน้ากับเพ็ชซี่แล้วใช้สายของบีช บอยรัดคอเพ็ชซี่ ในวาระสุดท้ายเพ็ชซี่คิดจะจับโคโค่ จัมโบ้กระแทกพร้อมกับสมาชิกในกลุ่มบูราราตี้ที่ยังอยู่ข้างใน แต่บูจาราตี้จัดการสังหารเพ็ชซี่ได้ทันโดยการรูดซิปแยกชิ้นส่วนร่างกายเป็นชิ้น ๆ ฝ่ายโปรชู้ตก็เสียชีวิตจากแผลฉกรรจ์เช่นกัน ทำให้ทุกคนกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง และบูจาราตี้ก็ได้พบว่าความสามารถในฐานะผู้ใช้สแตนด์ของทริชได้เริ่มตื่นขึ้น แม้กลุ่มของบูจาราตี้เพิ่งจะกำจัดผู้ใช้สแตนด์ได้สองคน แต่ก็ยังจะถูกสะกดรอยตามในอีกไม่นานโดยเมโลเน่ ศัตรูคนถัดไป | ||||
17 | 130 | "เบบี้・เฟซ Baby Face / Babyhead ベイビィ・フェイス (Beibī Feisu)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 |
เมโลเน่เก็บได้ตัวอย่างเลือดของบูจาราตี้ จากนั้นจึงใช้สแตนด์เบบี้・เฟซ รวมตัวอย่างเลือดของบูจาราตี้เข้ากับข้อมูลพันธุกรรมของผู้หญิงคนหนึ่งบนรถไฟเพื่อให้กำเนิดสแตนด์ลูกที่ควบคุมระยะไกล ฝ่ายกลุ่มของบูจาราตี้อยู่ห่างจากทางรถไฟออกไปริมถนนแห่งหนึ่ง กำลังเตรียมตัวจะขโมยรถ ในขณะที่สแตนด์ลูกของเบบี้・เฟซได้ขี่รถจักรยานยนต์ของเมโลเน่สะกดรอยตามกลุ่มของบูจาราตี้มาโดยใช้ดีเอ็นเอของบูจาราตี้ สแตนด์ลูกของเบบี้・เฟซใช้ความสามารถที่ตัดร่างกายมนุษย์เป็นส่วน ๆ และประกอบขึ้นใหม่ จับตัวบูจาราตี้และทริชได้ในตัวโคโค่ จัมโบ้ ฝ่ายโจรูโน่พยายามจะบอกคนอื่น ๆ แต่ถูกความสามารถของสแตนด์ศัตรูลบชิ้นส่วนอวัยวะบางส่วนไป โจรูโน่จึงใช้โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์สร้างชิ้นส่วนอวัยวะที่หายไปทดแทน แล้วเปลี่ยนมือของโกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ให้เป็นปลาปิรันยาโจมตีสแตนด์ลูกของเบบี้・เฟซจากภายใน | ||||
18 | 131 | "มุ่งหน้าสู่เวเนเซีย! Head to Venice! ヴェネツィアへ向かえ! (Venetsia e Mukae!)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 |
รีส็อทใช้ความสามารถสแตนด์ของตนทรมานคนของพาสซิโอเน่คนหนึ่งอย่างทารุณ บังคับให้สืบค้นตามรอยทริช ขณะเดียวกัน โจรูโน่ได้หลอกสแตนด์ลูกของเบบี้・เฟซให้หลอมรวมเข้ากับรถจักรยานยนต์ของเมโลเน่ จากนั้นจึงจุดหัวเทียนจุดน้ำมันเบนซินให้เกิดการระเบิดขึ้น ทำให้สแตนด์ลูกของเบบี้・เฟซถูกทำลายไป บูจาราตี้และทริชจึงกลับมาเป็นปกติ จากนั้นโจรูโน่จึงแปลงชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ของสแตนด์ลูกของเบบี้・เฟซให้กลายเป็นงูพิษ ซึ่งสะกดรอยย้อนกลับไปหาเมโลเน่และสังหารจนตาย กลุ่มของบูจาราตี้เดินทางต่อไปยังเวเนเซีย ระหว่างทางได้รับคำสั่งของบอสจากเปรีโกโร่ผ่านความสามารถย้อนภาพในอดีตของสแตนด์มูดดี้ บลูส์ เปรีโกโร่บอกกลุ่มของบูจาราตี้ให้ไปเก็บดิสก์ข้อมูลที่สถานีเวเนเซีย จากนั้นเปรีโกโร่ก็ฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความลับ โจรูโน่และมิซูต้าขับรถข้ามสะพานไปยังเวเนเซีย แต่กิอัจโจ้ที่เป็นสมาชิกทีมนักฆ่าอีกคนได้ไล่ตามรถมาทันแล้วโจมตีโจรูโน่และมิซูต้าโดยใช้ความสามารถเยือกแข็งของสแตนด์ไวท์ อัลบั้ม โจรูโน่และมิซูต้าใช้ความสามารถสแตนด์ของพวกตนประสานกันสลัดกิอัจโจ้ให้ตกจากรถ แต่กิอัจโจ้ก็ไล่ตามมาทันอีกครั้งและใช้สแตนด์ของตนต่างเสื้อเกราะ เมื่ออับจนหนทางเอาชนะกิอัจโจ้ โจรูโน่จึงขับรถลงคลอง | ||||
19 | 132 | "ไวท์ อัลบั้ม White Album / White Ice ホワイト・アルバム (Howaito Arubamu)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 |
น้ำในคลองรอบรถของโจรูโน่และมิซูต้าได้ถูกเยือกแข็งด้วยสแตนด์ไวท์ อัลบั้มของกิอัจโจ้ แต่โจรูโน่ก็ได้แปลงชิ้นส่วนของรถให้กลายเป็นหญ้าเพื่อให้มิซูต้าใช้ต่างสโนว์บอร์ดเลื่อนไปบนพื้นน้ำแข็ง กิอัจโจ้พยายามหยุดมิซูต้าโดยหยุดการเยือกแข็งในคลองชั่วคราว แต่โจรูโน่ทำให้หญ้ากลับคืนเป็นชิ้นส่วนรถให้มิซูต้ายิงใส่จนพุ่งใส่หน้าผากของกิอัจโจ้จนจมลงใต้น้ำ มิซูต้าพยายามยิงปืนในช่องหายใจบนเสื้อเกราะของกิอัจโจ้ แต่กิอัจโจ้ทำการเยือกแข็งอากาศให้เกิดการสะท้อนกระสุนกลับบไปยังมิซูต้า ขณะเดียวกันกิอัจโจก็ทำลายรูปปั้นจะเอาดิสก์ข้อมูล ฝ่ายโจรูโน่พูดทำให้มิซูต้าเกิดกำลังใจ มิซูต้าจึงจงใจโดนกระสุนของตนเองที่สะท้อนกลับมาเพื่อใช้เลือดของตนมารบกวนการมองเห็นของกิอัจโจ้ จากนั้นจึงต้อนให้กิอัจโจ้ถอยหลังไปยังเงี่ยงเหล็กของเสาไฟถนนที่มิซูต้าใช้กระสุนยิงทำไว้ก่อน เงี่ยงเหล็กแทงเข้าคอของกิอัจโจ้ กิอัจโจ้พยายามปกป้องตัวเองโดยการเยือกแข็งเลือดของตัวเอง แต่โจรูโน่เข้ามาใช้กำลังทำให้กิอัจโจ้ยิ่งถอยลึกจนเงี่ยงเหล็กทะลุคอสังหารกิอัจโจ้ได้ จากนั้นโจรูโน่จึงทำการรักษาแผลของมิซูต้า | ||||
20 | 133 | "คำสั่งสุดท้ายจากบอส The Final Mission From the Boss ボスからの最終指令 (Bosu Kara no Saishū Shirei)" | นาโอคาสึ สึดะ | 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 |
กลุ่มของบูจาราตี้มาถึงเวเนเซีย แล้วอ่านคำสั่งสุดท้ายจากบอสบนดิสก์ข้อมูล ซึ่งแจ้งว่าให้คนเพียงคนเดียวพาทริชไปยังยอดของหอระฆังของโบสถ์บนเกาะซานโจรูโจ้ มาโจเร่ (ซันจอร์โจมัจโจเร) บูจาราตี้นำทริชขึ้นฝั่ง บูจาราตี้ยังได้นำกระดุมรูปเต่าทองของโจรูโร่ที่ติดอุปกรณ์ติดตามตัวไปด้วย ในขณะที่คนอื่น ๆ อยู่รอในสปีดโบ๊ท บูจาราตี้และทริชขึ้นไปโดยใช้ลิฟต์ของหอระฆัง แต่เมื่อไปถึงยอดของหอระฆัง บูจาราตี้กลับพบว่าทริชได้หายตัวไป เหลือเพียงมือของทริชที่ถูกตัดขาด บูจาราตี้นึกย้อนไปยังอดีตในวัยเยาว์เมื่อเขาเริ่มเข้าร่วมองค์กรพาสซิโอเน่ จากนั้นบูจาราตี้จึงได้รู้ว่าบอสตั้งใจจะฆ่าลูกสาวของตัวเองเพื่อปกป้องความจริงเกี่ยวกับตัวตนของตน บูจาราตี้ติดตามบอสไปแล้วจัดการติดกระดุมรูปเต่าทองของโจรูโน่กับบอสก่อนที่บอสจะหายตัวไปอีก บูจาราตี้เข้าโจมตีบอสและต่อแขนกลับให้ทริช แต่บอสใช้สแตนด์คิง คริมสันต่อยกำปั้นทะลุร่างกายของบูจาราตี้หวังจะสังหาร | ||||
21 | 134 | "ปริศนาของคิง คริมสัน The Mystery of King Crimson / The Mystery of Emperor Crimson キング・クリムゾンの謎 (Kingu Kurimuzon no Nazo)" | นาโอคาสึ สึดะ | 1 มีนาคม พ.ศ. 2562 |
กลุ่มของบูจาราตี้รอการกลับมาของบูจาราตี้บนเรือ ขณะที่โจรูโน่ตรวจติดตามการเคลื่อนไหวของบอสผ่านกระดุมรูปเต่าทอง แต่โจรูโน่ก็รู้สึกได้ถึงการข้ามเวลา ขณะเดัยวกันในโบสถ์ บูจาราตี้ได้รับบาดเจ็บเสียเลือดมากจากการโจมตีของบอส ฝ่ายบอสกำลังจะฆ่าทริชแต่กลับถูกขังไว้ในเต่าที่สร้างจากกระดุมรูปเต่าทองด้วยความสามารถของแสตนด์โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ของโจรูโน่ จากนั้นบูจาราตี้จึงทิ้งเต่าผ่านพื้นเข้าไปในทางน้ำไหลใต้ดิน แต่คิง คริมสันกลับมาปรากฏตัวอย่างรวดเร็วและเตรียมจะเข้าโจมตีอีกครั้ง แต่บูจาราตี้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายใช้สติ๊กกี้ ฟิงเกอร์สพาทั้งเขาและทริชขึ้นไปชั้นบน โจรูโน่เข้าไปเจอพวกเขาจึงเข้ารักษาบูจาราตี้แล้วส่งสัญญาณให้คนอื่น ๆ ให้เข้ามาช่วยก่อนที่คิง คริมสันจะมาถึง บอสรู้ตัวว่าตนไม่สามารถเข้าไปสู้พวกของบูจาราตี้โดยไม่เปิดเผยตัวตนได้จึงได้ถอยกลับไปปล่อยให้พวกบูจาราตี้หนีไปพร้อมกับทริช ที่ท่าเรือ บูจาราตี้ได้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วเปิดโอกาสให้คนในกลุ่มตัดสินใจว่าจะติดตามเขาไปหรือยังคงภักดีต่อองค์กร คนในกลุ่มทั้งหมดยกเว้นฟูโก้ตกลงใจติดตามบูจาราตี้ไป | ||||
21.5 | 134.5 | "การตัดสินใจ Determination determinazione" | ไม่มี | 3 มีนาคม พ.ศ. 2562 |
สรุปเหตุการณ์ในตอนที่ 1–20 | ||||
22 | 135 | "แอ๊ค G แรงฤทธิ์ The 'G' in Guts ガッツの「G」 (Gattsu no Jī)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 |
ระหว่างที่กลุ่มของบูจาราตี้ที่เหลืออยู่พักรับประทานอาหาร นารันช่าเผลอทำไวน์แดงหกใส่เสื้อสูทสีขาวของชายคนหนึ่ง เมื่อชายคนนั้นเรียกร้องค่าเสียหาย สมาชิกในกลุ่มบูจาราตี้ระแวงว่าชายคนนั้นเป็นศัตรูจึงรุมทำร้ายอย่างทารุณ ขณะเดียวกัน ทริชได้เผยว่าภูมิหลังของพ่อตนเองอยู่ที่เกาะซัลดิเนีย (ซาร์ดิเนีย) ทั้งกลุ่มจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่นั่นหลังจากออกจากเวเนเซีย ระหว่างรับประทานอาหาร นารันช่าได้เจอกับปลาสีโลหะในซุปซึ่งเข้าโจมตีนารันช่าทันทีโดยการกัดลิ้นขาดทำให้นารันช่าไม่สามารถเตือนคนอื่นได้ ปลาโลหะนี้เป็นสแตนด์ชื่อแคร็ช ควบคุมโดยสกัวโล่จากหน่วยองครักษ์ของบอส หลังจากโจรูโน่สร้างลิ้นใหม่ให้นารันช่า นารันช่าก็เริ่มพูดด้วยข้อมูลเท็จกับคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นการบังคับพูดโดยสแตนด์ชื่อทอร์คกิ้ง เฮด ควบคุมโดยทิซเซียโน่ คู่หูของสกัวโล่ ระหว่างที่คนอื่นพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนารันช่า นารันช่ากลับนำทุกคนไปยังห้องน้ำโดยความสามารถของทอร์คกิ้ง เฮด นารันช่าพยายามลบรอยของของเหลวรวมถึงเลือดของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้แคร็ชปรากฏตัวอีกครั้ง เมื่อคนอื่น ๆ ออกไปจากห้องน้ำ ได้เกิดน้ำรั่วจากท่อทำให้แคร็ชโผล่มาจากน้ำที่นองบนพื้นแล้วเข้าโจมตีโจรูโน่โดยการกัดที่คอ | ||||
23 | 136 | "แคร็ช & ทอร์คกิ้ง เฮด Clash and Talking Head / Crush and Talking Mouth クラッシュとトーキング・ヘッド (Kurasshu to Tōkingu Heddo)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 22 มีนาคม พ.ศ. 2562 |
สกัวโล่ใช้สแดนด์แคร็ชเคลื่อนย้ายโจรูโน่ไปยังที่ต่าง ๆ ที่มีน้ำเพื่อทำให้นารันช่าติดตามตัวได้ยาก โจรูโน่จงใจยอมให้นารันช่ายิงด้วนสแตนด์แอร์โรว์สมิธเพื่อให้มีควันปืนหลงเหลือทำให้สามารถติดตามหาแคร็ชได้ และทำให้นารันช่าสามารถทำให้สกัวโล่บาดเจ็บจากการโจมตีสแตนด์แคร็ช ทิซเซียโน่จึงใช้แผนลวงสมาชิกกลุ่มบูจาราตี้คนอื่น ๆ มาในห้องครัวที่มีก๊าซรั่วและใช้สแตนด์ทอร์คกิ้ง เฮดบังคับนารันช่าให้บอกให้มิซูต้ายิงปืนด้วยสแตนด์เซ็กส์ พิสเทิลส์จนทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ก่อนที่โจรูโน่จะถูกแคร็ชดึงตัวไปอีกก็ได้แนะนำให้นารันช่าตามหาผู้ใช้สแตนด์ที่เป็นร่างต้น ขณะที่สมาชิกคนอื่นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นารันช่าจึงวิ่งออกมาที่ถนนเพื่อสืบร่องรอยหาตัวสกัวโล่และทิซเซียโน่ด้วยตนเอง นารันช่าหาตัวทั้งคู่จนเจอโดยการตัดลิ้นตนเองที่มีทอร์คกิ้ง เฮดติดอยู่ แล้วแทนที่ด้วยลิ้นที่สร้างขึ้นใหม่จากกระดุมรูปเต่าทองเม็ดหนึ่งของโจรูโน่ ทำให้ทิซเซียโน่ตื่นตระหนกและลมหายใจปั่นป่วน ทิซเซียโน่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อทำให้สกัวโล่ได้โอกาสโจมตีโดยใช้เลือดของตนเป็นสื่อให้แคร็ชปรากฏ แต่นารันช่าก็สามารถฆ่าสกัวโล่ได้สำเร็จ เมื่อเอาชนะสกัวโล่และทิซเซียโน่ได้ กลุ่มของบูจาราตี้ก็ได้เดินทางออกจากคลองของเมิองเวเนเซียไปยังสนามบินเพื่อหาเครื่องบินเดินทางไปเกาะซัลดิเนีย | ||||
24 | 137 | "โนโทเลียส・B・I・G Notorious B.I.G. / Notorious Chase ノトーリアス・B・I・G (ビッグ) (Notōriasu Biggu)" | คาซุยูกิ ฟุเดยาสุ | 29 มีนาคม พ.ศ. 2562 |
หลังจากหนีจากเวเนเซีย กลุ่มของบูจาราตี้ได้ยึดเครื่องบินลำหนึ่ง โดยอาบัคคิโอ้ใช้มูดดี้ บลูส์ในการขับเครื่องบินด้วยการรีเพลย์นักบิน ก่อนที่จะออกเดินทาง มิซูต้าได้ยิงผู้ใช้สแตนด์ฝ่ายศัตรูชื่อคารูเน่จนตายก่อนที่คาลเน่จะเดินมาถึงพวกตน ทว่าภายหลังในระหว่างการบินโจรูโน่ได้พบว่าสแตนด์ของคารูเน่ชื่อ โนโทเลียส・B・I・G ได้แสดงความสามารถหลังการตายของร่างต้นและเข้าเกาะแขนของโจรูโน่ สแตนด์นี้มีความสามารถในการดูดซับพลังงานของศัตรูและตามติดการเคลื่อนไหว โนโทเลียส・B・I・G เข้าทำร้ายมิซูต้าและนารันช่าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โจรูโน่จึงจัดการกำจัดโนโทเลียส・B・I・G ออกจากเครื่องบินโดยต้องสละแขนทั้งสองข้างของตนเอง และเนื่องจากพลังของสแตนด์โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์มาจากการใช้กำปั้น โจรูโน่จึงไม่สามารถต่อสู้หรือรักษาบาดแผลของตนเองและคนอื่นได้อีก บูจาราตี้นำตัวผู้บาดเจ็บเข้าไปในเต่าและไปแจ้งข่าวการถูกโจมตีให้อาบัคคิโอ้ทราบโดยปล่อยทริชไว้เพียงลำพัง ในขณะที่โนโทเลียส・B・I・G ได้กลับเข้ามาในเครื่องบินอีกครั้งแล้วจะเข้าโจมตีทริช เมื่อทริชหยุดการเคลื่อนไหวของตน สแตนด์ก็เริ่มเคลื่อนเข้าหากระดุมเม็ดหนึ่งของโจรูโน่ ทริชจึงได้รู้ว่าโจรูโน่แปลงกระดุมให้เป็นแขนซ้ายก่อนที่จะสละแขนตัวเองทิ้ง ซึ่งหมายความว่ายังมีโอกาสที่โจรูโน่และคนอื่น ๆ จะสามารถได้รับการรักษาได้ ทว่าในเมื่องสแตนด์ของศัตรูตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว ทริชจึงยังไม่รู้ว่าตนจะไปชิงกระดุมมาได้อย่างไร | ||||
25 | 138 | "สไปซ์ เกิร์ล Spice Girl / Spice Lady スパイス・ガール (Supaisu Gāru)" | คาซุยูกิ ฟุเดยาสุ | 5 เมษายน พ.ศ. 2562 |
ทริชพยายามจะเข้าชิงกระดุมของโจรูโน่โดยไม่ทำให้โนโทเลียส・B・I・G ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว แต่โนโทเลียส・B・I・G ก็ยังเข้าโจมตีทริช สถานการณ์คับขันทำให้ความสามารถแสตนด์ของทริชชื่อสไปซ์ เกิร์ลได้ตื่นขึ้นมาช่วยรับมือกับโนโทเลียส・B・I・G สไปซ์ เกิร์ลได้อธิบายกับทริชว่ามีความสามารถทำให้พื้นผิวใด ๆ อ่อนนุ่มลงได้ ทริชจึงล่อให้โนโทเลียส・B・I・G โจมตีนาฬิกาที่ถูกทำให้อ่อนนุ่ม จากนั้นทริชจึงเดินกลับไปที่ห้องนักบินเพื่อแจ้งบูจาราตี้ แต่โนโทเลียส・B・I・G ได้ขยายร่างใหญ่ขึ้นจากการโจมตีเครื่องยนต์ที่ด้านหลังของเครื่องบิน ทริชจึงใช้พลังของสแตนด์ทำให้ห้องนักบินอ่อนนุ่มแล้วใช้ต่างร่มชูชีพ ในขณะที่สแตนด์ฝ่ายศัตรูและเครื่องบินส่วนที่เหลือได้ตกลงไปในทะเลทีเรเนีย (ทะเลติร์เรเนียน) แล้วระเบิดขึ้น บูจาราตี้ใช้สแตนด์สติ๊กกี้ ฟิงเกอร์สกำจัดชิ้นส่วนสุดท้ายของโนโทเลียส・B・I・G ออกจากหน้าของอาบัคคิโอ้และช่วยชีวิตทั้งกลุ่มไว้ได้ ส่วนโนโทเลียส・B・I・G ได้ติดอยู่ในทะเลทีเรเนียไม่สามารถไปที่อื่นได้เพราะเอาแต่ไล่ตามการเคลื่อนไหวของคลื่น ด้วยกระดุมของโจรูโน่ทำให้สมาชิกทั้งกลุ่มได้รับการรักษาจากการโจมตีของสแตนด์ฝ่ายศัตรู แล้วมาถึงเกาะซัลดิเนียได้โดยไม่ถูกศัตรูตามตัวอีก อีกด้านหนึ่ง บอสรู้สึกได้ว่ากลุ่มของบูจาราตี้รอดชีวิตจากการโจมตี และความสามารถสแตนด์ของทริชได้ตื่นขึ้นแล้ว ด้วยความกลัวว่าทริชจะระลึกถึงความทรงจำในวัยเด็กที่ชายฝั่งคอสต้า สเมรัลด้า บอสจึงตัดสินใจเดินทางไปเกาะซัลดิเนียเพียงลำพังเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นค้นพบตัวตนของตน | ||||
26 | 139 | "อดีตเมื่อไม่นานมานี้ ~ข้าชื่อด็อปปิโอ้~ A Little Story From The Past ~My Name Is Doppio~ ほんの少し昔の物語 ~ぼくの名はドッピオ~ (Honno Sukoshi Mukashi no Monogatari ~Boku no Na wa Doppio~)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 12 เมษายน พ.ศ. 2562 |
ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1965 หญิงชาวซัลดิเนียในเรือนจำของอิตาลีได้ให้กำเนิดทารกเพศชายผมสีแดงซึ่งภายหลังโบสถ์แห่งหนึ่งได้รับเลี้ยงไว้ เมื่อเด็กชายเติบโตเป็นวัยรุ่นได้เห็นบาทหลวงที่เป็นผู้รับเลี้ยงเด็กชายได้เจอแม่ของเด็กชายที่ถูกฝังอยู่ใต้คอนกรีตของพื้นโบสถ์เป็นเวลาหลายปีโดยทั้งยังมีชีวิตอยู่ ในคืนนั้นเองก็เกิดเหตุไฟไหม้ทั้งหมู่บ้าน และในรายชื่อผู้เสียชีวิตก็มีชื่อของบาทหลวงและเด็กชายรวมอยู่ด้วย กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันที่เกาะซัลดิเนีย หมอดูลึกลับได้ขอทำนายดวงให้กับเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง และบอกว่าเด็กวัยรุ่นกำลังตามหาลูกสาวอายุ 15 ปี ทั้งที่ขัดกับวัยของเด็กหนุ่ม ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็กลับกลายเป็นวัยผู้ใหญ่แล้วหมอดูจึงรู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นคนที่มีสองบุคลิก หมอดูทำนายจากภาพถ่ายของรีส็อท เนโรที่เด็กหนุ่มยื่นให้ดูว่าเด็กหนุ่มจะเจอกับคนทรยศรีส็อท เนโรในอีกไม่นาน จากนั้นหมอดูจึงถูกเด็กหนุ่มฆ่า เด็กหนุ่มผู้นั้นมีชื่อว่าด็อปปิโอ้ เป็นอีกบุคลิกหนึ่งของบอส ซึ่งบอสควบคุมบุคลิกนี้โดยผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์สมมติที่ด็อปปิโอ้จินตนาการขึ้นเอง ด็อปปิโอ้ได้ขึ้นรถแท็กซี่เดินทางมายังชายฝั่งคอสต้า สเมรัลด้า ที่นั่นด็อปปิโอ้ได้ถูกรีส็อทพบตัวเข้า รีส็อทได้ใช้สแตนด์ชื่อเมทตาลิก้าสร้างใบมีดโกนและเข็มเหล็กแทงจากในร่างกายของด็อปปิโอ้ เมื่อรีส็อทหนีไปซ่อนตัว บอสได้ติดต่อด็อปปิโป้แล้วบอกด็อปปิโอ้ให้เข้าใกล้รีส็อทในรัศมีสองเมตรเพื่อจะได้ใช้คิง คริมสันจัดการสังหารได้ | ||||
27 | 140 | "คิง คริมสัน v.s. เมทตาลิก้า King Crimson vs. Metallica / Emperor Crimson vs. Metallic キング・クリムゾン vs. メタリカ (Kingu Kurimuzon vs. Metarika)" | อากิระ โฮริอุจิ | 19 เมษายน พ.ศ. 2562 |
บอสติดต่อถึงด็อปปิโอ้บอกให้ด็อปปิโอ้ใช้ส่วนหนึ่งของความสามารถของคิง ครัมสันในการมองล่วงหน้าถึงความเคลื่อนไหวของรีส็อท ด็อปปิโอมองเห็นภาพที่มีกรรไกรคู่หนึ่งอยู่ในคอของตนก่อนที่จะเกิดกรรไกรปรากฏขึ้นมาจริง ๆ ด็อปปิโอ้จึงสามารถเตรียมใจที่จะนำกรรไกรออกมาจากคออย่างรวดเร็ว ด็อปปิโอ้อนุมานได้ว่าความสามารถของรีสฌอทคือการใช้ธาตุเหล็กภายในร่างกายมนุษย์สร้างเป็นวัตถุโลหะขึ้นมา จากนั้นด็อปปิโอ้จึงเห็นภาพของเท้าที่ถูกตัดขาด ขณะเดียวกันด็อปปิโอ้ก็หาตำแหน่งขอวรีส็อทพบจึงขว้างกรรไกรตัดเท้าของรีสอทขาด ทำให้รีส็อทเข้าใจถึงความสามารถในการมองเห็นล่วงหน้าของด็อปปิโอ้ รีส็อทต่อเท้าที่ถูกตัดขาดกลับไปด้วยลวดเย็บกระดาษ ขณะเดียวกันก็รีส็อทก็ได้รู้ว่าด็อปปิโอ้มีสองบุคลิกที่ตแตกต่างกัน รีส็อทโจมตีด็อปปิโอ้โดยการดึงธาตุเหล็กในร่างกายของด็อปปิโอ้ออกมาใช้ ทำให้ด็อปปิโอ้อ่อนแอลงและขาดออกซิเจนจนหายใจไม่ออก รีส็อทเริ่มจะค่อย ๆ ล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของด็อปปิโอ้จากการเป็นคนสองบุคลิกจึงเตรียมจะจัดการปราบด็อปปิโอ้ แต่ด็อปปิโอ้ขว้างมีดผ่าตัดที่รีส็อทสร้างขึ้นไปยังทิศทางที่มีกลุ่มของบูจาราตี้เพื่อดึงความสนใจของกลุ่มบูจาราตี้ รีส็อทจึงถูกยิงจากด้านหลังโดยสแตนด์แอร์โรว์สมิธของนารันช่าที่กำลังบินสอดแนมและตรวจจับลมหายใจของรีส็อทได้เพียงคนเดียว ขณะที่รีส็อทกำลังจะตายก็ได้รู้ความจริงในที่สุดว่าด็อปปิโอ้ก็คือบอสนั่นเอง | ||||
28 | 141 | "ดั่งฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย Beneath a Sky on the Verge of Falling 今にも落ちて来そうな空の下で (Ima ni mo Ochite Kisō na Sora no Shita de)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 26 เมษายน พ.ศ. 2562 |
รีส็อทใช้โอกาสในวาระสุดท้ายล่อให้สแตนด์แอร์โรว์สมิธกำจัดบอสพร้อมกับตนเอง แต่คิง คริมสันได้ลบเวลาที่กระสุนของแอร์โรว์สมิธยิงใส่ทำให้หลบหลีกการโจมตีของแอร์โรว์สมิธมาได้ ด็อปปิโอ้ได้กินกบเพื่อเสริมธาตุเหล็กที่เสียไป ในขณะเดียวกันบูจาราตี้และนารันช่าได้มุ่งไปตรวจสอบสถานที่ที่มีการต่อสู้ขึ้น ฝ่ายอาบัคคิโอ้ใช้มู้ดดี้ บลูส์รีเพลย์สืบย้อนไปยังอดีตของชายฝั่งคอสต้า สเมรัลด้าเพื่อจะจำลองใบหน้าของบอส บูจาราตี้และนารันช่าเห็นศพของรีซ็อตจากนั้นก็เจอเข้ากับเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกมัดอยู่หลังก้อนหินและริมฝีปากถูกเย็บติดเข้าด้วยกัน กลับมาที่ชายหาด อาบัคคิโอ้ถูกดึงความสนใจโดยกลุ่มเด็กที่เล่นฟุตบอลซึ่งกำลังพยายามเก็บลูกบอลที่ติดบนต้นไม้ เมื่ออาบัคคิโอ้เข้าไปช่วยเก็บลูกบอลให้ กลับถูกฆ่าโดยบอสที่ปลอมตัวปะปนมาในกลุ่มเด็ก เมื่ออาบัคคิโอ้ตายได้เข้ามาอยู่สภาวะคล้ายฝัน ที่แห่งนั้นอาบัคคิโอ้ได้พบอีกครั้งกับตำรวจอดีตเพื่อนร่วมงานของตนที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ เพื่อนตำรวจคนนั้นได้ยกย่องอาบัคคิโอ้ถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสหาย เมื่อกลุ่มของบูจาราตี้มารวมตัวกันที่ศพของอาบัคคิโอ้ โจรูโน่ได้พบว่าก่อนที่มู้ดดี้ บลูส์จะสลายไป อาบัคคิโอ้ก็ได้จำลองใบหน้าของบอสเสร็จสิ้นในรูปแบบเดธ มาสค์ประทับบนเสาหินในบริเวณใกล้เคียง | ||||
28.5 | 141.5 | "ชะตากรรม Destiny destino" | ไม่มี | 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 |
สรุปเหตุการณ์ในตอนที่ 1-28 | ||||
29 | 142 | "เป้าหมายคือโรม! โคลอสเซี่ยม Get to the Roman Colosseum! 目的地はローマ!コロッセオ (Mokutekichi wa Rōma! Korosseo)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 |
บูจาราตี้, ทริช และโจรูโน่ค้นเว็บเพื่อแกะรอยสืบหาใบหน้าที่เข้ากับใบหน้าของบอสที่อาบัคคิโอ้จำลองขึ้น แต่ไม่เป็นผล ทันใดนั้นก็มีเสียงคนผู้หนึ่งผ่านเข้ามาในคอมพิวเตอร์ บอกว่าชื่อของบอสคือเดียโบโร่ แล้วได้แจ้งว่าสแตนด์คิง คริมสันไม่อาจเอาชนะได้ แต่ก็ยังพอมีหนทาง เสียงนั้นได้เล่าถึงประวัติของลูกธนูที่ใช้สร้างสแตนด์ว่าทำขึ้นจากหินอุกกาบาตซึ่งตกในเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งมีไวรัสสังหารที่จะมอบความสามารถเหนือมนุษย์ให้คนที่ทนต่อไวรัสได้ เสียงนั้นได้บอกอีกว่าหากพวกบูจาราตี้อยากรู้วิธีปราบเดียโบโร่จะต้องมาพบกับเขาที่เป็นเจ้าของเสียงที่โคลอสเซียมในกรุงโรม กลุ่มของบูจาราตี้เดินทางด้วยเรือจากเกาะซัลดิเนียมาถึงหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ทางชายฝั่งตะวันตกของแผ่นดินใหญ่อิตาลี ที่ซึ่งพวกเขาถูกจู่โจมโดยสมาชิกที่เหลืออยู่ของหน่วยองครักษ์ของเดียโบโร่ คือช็อกโกแล็ตต้าและเซ็คโก้ ช็อกโกแล็ตต้าใช้สแตนด์กรีน เดย์ ในการแพร่กระจายเชื้อราสังหารโดยรอบพื้นที่ ซึ่งความสามารถของเชื้อราจะทำงานเมื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของคนที่ติดเชื้อลดระดับต่ำลง แต่กลุ่มของบูจาราตี้ก็สามารถขึ้นฝั่งโดยยังรอดชีวิตจากผลของเชื้อรามาได้ | ||||
30 | 143 | "กรีน เดย์ & โอเอซิส ตอน 1 Green Day and Oasis, Part 1 / Green Tea and Sanctuary, Part 1 グリーン・ディとオアシス その① (Gurīn Dei to Oashisu Sono 1)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 |
บูจาราตี้ส่งนารันช่าที่ติดเชื้อรากลับเข้าไปในเต่า จากนั้นบูจาราตี้และมิซูต้าจึงเดินขึ้นไปยังหมู่บ้านเพื่อหนีเชื้อราสังหาร ขณะที่พวกเขากำลังปีนบันไดขึ้นไปให้พ้นระยะจู่โจมของกรีน เดย์ เซ็คโก้ก็ได้ซุ่มโจมตีโดยใช้สแตนด์โอเอซิส ซึ่งมีความสามารถทำให้เซ็คโก้สามารถแหวกว่ายใต้ดิน และสามารถทำให้พื้นแข็งอ่อนลงจนยุบตัวลงไป บูจาราตี้กระโดดลงมาแนวพื้นที่อยู่สูงแล้วโจมตีเซ็คโก้ เซ็คโก้ประหลาดใจมากที่บูจาราตี้ไม่ได้ติดเชื้อราซึ่งจะโจมตีเฉพาะสิ่งมีชีวิต ฝ่ายกลุ่มของบูจาราตี้ได้หนีขึ้นรถไปได้แล้วขับมุ่งหน้าสู่กรุงโรม ระหว่างทางโจรูโน่ได้สังเกตว่าบูจาราตี้มีแผลเป็นรูที่ข้อมือ อีกทั้งผิวหนังก็เย็นและไม่มีชีพจร บูจาราตี้จึงเผยว่าแม้ว่าโจรูโน่จะช่วยพาเขาให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังถูกโจมตีโดยคิง คริมสัน สแตนด์ของบอสที่เวเนเซีย แต่โดยหลักการ ร่างกายของเขาได้ตายไปแล้ว เมื่อมาถึงกรุงโรม กลุ่มของบูจาราตี้ก็ถูกซุ่มโจมตีโดยช็อกโกแล็ตต้าและเซ็คโก้อีกครั้ง โดยครั้งนี้ช็อกโกแล็ตต้าซึ่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ได้ใช้กรีน เดย์แพร่กระจายเชื้อราไปทั่วเมือง โจรูโน่และมิซูต้าจึงใช้กระสุนที่หลอมรวมกับความสามารถของโกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ยิงใส่อาคารหลังหนึ่งแล้วแปลงให้เป็นรากไม้ไปจับมัดเฮลิคอปเตอร์ให้อยู่กับที่ ขณะเดียวกัน บูจาราตี้ก็เตรียมจะรับมือเซ็คโก้ซึ่งดำดินลงไปจะเข้าโจมตี | ||||
31 | 144 | "กรีน เดย์ & โอเอซิส ตอน 2 Green Day and Oasis, Part 2 / Green Tea and Sanctuary, Part 2 グリーン・ディとオアシス その② (Gurīn Dei to Oashisu Sono 2)" | คาซุยูกิ ฟุเดยาสุ | 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 |
บูจาราตี้ถูกโจมตีโดยเซ็คโก้ซึ่งใช้แรงสะท้อนจากพื้นดินช่วยเพิ่มความเร็วและพลังของหมัด บูจาราตี้ทำได้เพียงหลบการโจมตีเท่านั้น ฝ่ายโจรูโน่และมิซูต้าปีนขึ้นอาคารไปยังเฮลิคอปเตอร์ของช็อกโกแล็ตต้า แต่เมื่อมิซูต้ายิงเซ็กส์ พิสเทิลส์เข้าไปข้างในกลับไม่พบตัวช็อกโกแล็ตต้า อีกทั้งยังถูกซุ่มโจมตีจนทั้งเซ็กส์ พิสเทิลส์และมิซูต้าบาดเจ็บหนัก โจรูโน่และเซ็กส์ พิสเทิลส์ นัมเบอร์ 5 เข้าไปในเฮลิคอปเตอร์ แต่ช็อกโกแลตต้าผ่าตัดแยกร่างกายตัวเองเป็นชิ้น ๆ แล้วเข้าโจมตีโจรูโน่ โดยพยายามทำให้โจรูโน่อยู่ในที่ต่ำลงเพื่อให้โจรูโน่ติดเชื้อราสังหารของสแตนด์กรีน เดย์ โจรูโน่ส่งกระสุนนัดหนึ่งของมิซูต้าเจาะเข้าศีรษะของช็อกโกแล็ตต้า ช็อกโกแลตต้าดูเหมือนจะตายจากการโจมตีนั้น แต่โจรูโน่สงสัยว่าช็อกโกแล็ตต้าอาจจะแกล้งตาย ทันใดนั้นช็อกโกแล็ตต้าก็ลุกขึ้นมา แล้วใช้แขนที่ผ่าตัดแยกออกจากร่างกายเข้าโจมตีมิซูต้า โจรูโน่จึงแปลงกระสุนที่ยิงเข้าศีรษะของช็อกโกแลตต้าให้กลายเป็นด้วงเจาะกะโหลกของช็อกโกแลตต้าออกมา ช็อกโกแล็ตต้าพยายามโจมตีโจรูโน่เป็นครั้งสุดท้ายแต่พลาด ฝ่ายโจรูโน่ใช้โกลด์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ต่อยช็อกโกแล็ตต้าจนตาย ส่งร่างของช็อกโกแลตต้าตกลงไปในรถขนขยะ ขณะเดียวกันในใต้ดิน เซ็คโก้ใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อหาช็อกโกแล็ตต้าแต่ปลายสายไม่รับ แต่เซ็คโก้ก็ได้รับข้อความเสียงจากช็อกโกแล็ตต้าที่บอกว่าพวกตนทั้งคู่ไร้เทียมทาน ขณะที่เซ็คโก้เตรียมจะโจมตีบูจาราตี้อีกครั้ง เหตุการณ์ก็ถูกจับตาดูผ่านกล่องส่องทางไกลโดยชายที่อยู่ในโคลอสเซียม | ||||
32 | 145 | "กรีน เดย์ & โอเอซิส ตอน 3 Green Day and Oasis, Part 3 / Green Tea and Sanctuary, Part 3 グリーン・ディとオアシス その③ (Gurīn Dei to Oashisu Sono 3)" | คาซุยูกิ ฟุเดยาสุ | 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 |
เซ็คโก้โจมตีบูจาราตี้อย่างหนักหน่วงด้วยความเร็วของสแตนด์ที่เหนือกว่า บูจาราตี้จึงตัดสินใจหนี จากนั้นเซ็คโก้ได้รับข้อความเสียงสุดท้ายจากช็อกโกแล็ตต้าที่แจ้งว่ากลุ่มของบูจาราตี้ตั้งใจจะพบกับคนผู้หนึ่งในโคลอสเซียมซึ่งวางแผนจะโค่นบอส บุคคลปริศนานี้แท้จริงคือฌอง ปิแอร์ โปลนาเรฟ ซึ่งตอนนี้จำต้องนั่งรถเข็น แต่ก็มีลูกธนูที่สามารถสร้างสแตนด์อยู่กับตัวดอกหนึ่ง ขณะเดียวกันนั้น บูจาราตี้ได้เลียนแบบการเคลื่อนไหวใต้ดินของเซ็คโก้ โดยใช้สติ๊กกี้ ฟิงเกอร์สในการหนีทางใต้ดินไปยังโคลอสเซียม แต่เซ็คโก้ได้ติดตามไปโดยใช้ความสามารถในการได้ยินที่ดีเป็นพิเศษ เซ็คโก้บีบให้บูจาราตี้ต้องขึ้นมาเหนือดินโดยการใช้ห่าฝนของเศษหิน แต่บูจาราตี้ระเบิดยางรถของรถยนต์ที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อทำลายแก้วหูของเซ็คโก้ เซ็คโก้ตื่นตระหนกรีบจับตัวเด็กหนุ่มใกล้ ๆ คนหนึ่งมาเป็นตัวประกันซึ่งบังเอิญว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือด็อปปิโอ้ แต่บูจาราตี้ใช้สติ๊กกี้ ฟิงเกอร์สต่อยผ่านด็อปปิโอ้และสร้างซิปที่คอของเซ็คโก้ เซ็คโก้พยายามดิ้นรนเอาตัวรอด แต่กลับสะดุดล้มเข้าไปในรถขนขยะที่มีร่างของช็อกโกแลตต้าอยู่ แล้วรถขนขยะก็ขับจากไป ขณะเดียวกัน ร่างกายของบูจาราตี้ก็เริ่มจะไม่รับรู้ ฝ่ายด็อปปิโอ้ก็เตรียมจะฆ่าบูจาราตี้ | ||||
33 | 146 | "หมอนั่นมันชื่อเดียโบโร่ His Name Is Diavolo そいつの名はディアボロ (Soitsu no Na wa Diaboro)" | อากิระ โฮริอุจิ | 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562 |
แทนที่จะฆ่าบูจาราตี้ ด็อปปิโอ้ตัดสินใจช่วยบูจาราตี้ข้ามถนนไปยังโคลอสเซียมเพื่อสืบความจริงว่าคนที่บูจาราตี้จะไปพบคือใคร แต่ทันใดนั้นด็อปปิโอ้สังเกตเห็นมิซูต้าจึงรู้ว่าพรรคพวกของบูจาราตี้อยู่ใกล้ ๆ ฝ่ายบอสคือเดียโบโร่ได้ติดต่อด็อปปิโอ้ บอกว่าบูจาราตี้นั้นจริง ๆ ตายไปแล้ว ไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยิน ยังเพียงสามารถเห็นวิญญาณได้ บอสจึงทำให้บูจาราตี้เห็นด็อปปิโอ้เป็นทริชเพื่อตบตา หลังจากบูจาราตี้และด็อปปิโอ้มาถึงโคลอสเซียม ก็ได้เผชิญหน้ากับโปลนาเรฟ เดียโบโร่เห็นโปลนาเรฟก็จำได้ ฝ่ายโปลนาเรฟก็ระลึกได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน มีชายหนุ่มคนหนึ่งขุดพบลูกธนูที่สร้างสแตนด์ได้หกดอกในอียิปต์ ชายหนุ่มคนนั้นคือเดียโบโร่ซึ่งได้เก็บลูกธนูไว้กับตัวดอกหนึ่ง ที่เหลือขายให้กับแม่เฒ่าเอ็นย่า จากนั้นเดียโบโร่จึงใช้พลังของลูกธนูสร้างองค์กรอาชญากรรมขึ้นมา แต่ก็ถูกโปลนาเรฟสืบตามตัวจึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ครั้งนั้นเดียโบโร่เอาชนะโปลนาเรฟถึงกับทำให้พิการ กลับมาที่โคลอสเซียม เดียโบโร่ได้เข้าครองร่างของด็อปปิโอ้ ทิ้งบูจาราตี้ไว้ แล้วเดินขึ้นไปหาโปลนาเรฟ ใช้คิง คริมสันต่อยทะลุร่างโปลนาเรฟและชิงลูกธนูมาได้ แต่ไม่นานก่อนหน้านั้น โปลนาเรฟได้ใช้ลูกธนูแทงซิลเวอร์ แชเรียท สแตนด์ของตน ก่อให้เกิดพลังของสแตนด์รูปแบบใหม่ซึ่งปรากฏเป็นร่างเงา | ||||
34 | 147 | "บรรเลงเพลงส่งวิญญาณ ตอน 1 The Requiem Quietly Plays, Part 1 鎮魂歌 (レクイエム)は静かに奏でられる その① (Rekuiemu wa Shizuka ni Kanaderareru Sono 1)" | โชโงะ ยาสุคาวะ | 14 มิถุนายน พ.ศ. 2562 |
ร่างเงาได้ชิงลูกธนูมาจากเดียโบโร่ และทำให้ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงกับโคลอสเซียมหลับใหล เมื่อพรรคพวกของบูจาราตี้ตื่นขึ้นมาก็พบกับเรื่องประหลาดที่พวกตนสลับร่างกับคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด โดยโจรูโน่สลับร่างกับนารันช่า และมิซูต้าสลับร่างกับทริช แต่ก็พบว่าพวกตนยังสามารถควบคุมสแตนด์ของตนเองได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่รู้ว่าใครอยู่ในร่างของบูจาราตี้ที่ยังไม่ได้สติ ขณะเดียวกัน วิญญาณของโปลนาเรฟไปอยู่ในร่างของเต่าโคโค่ จัมโบ้ โปลนาเรฟได้อธิบายกับพรรคพวกของบูจาราตี้ว่าซิลเวอร์ แชเรียทซึ่งเคยเป็นสแตนด์ของเขาเป็นผู้ถือลูกธนู แล้วกลายเป็นแชเรียท เรเควี่ยม ซึ่งมีความสามารถทำให้วิญญาณเกิดการสลับร่าง โปลนาเรฟบอกว่าตนไม่สามารถควบคุมสแตนด์ได้แล้ว แล้วทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่จะปราบเดียโบโร่คือการชิงลูกธนูจากแชเรียท เรเควี่ยม โปลนาเรฟยังได้เตือนให้ระวังเด็กหนุ่มปริศนาที่ร่วมมือกับเดียโบโร่ ต่อมาที่ทางเข้าของโคลอสเซียม พรรคพวกของบูจาราตี้เห็นเดียโบโร่วิ่งตรงเข้าหาแชเรียท เรเควี่ยม แต่เมื่อเดียโบโร่เรียกสติ๊กกี้ ฟิงเกอร์สออกมาตัดแขนของแชเรียท เรเควี่ยม พวกเขาจึงรู้ว่าบูราจาตี้อยู่ในร่างของเดียโบโร่ | ||||
35 | 148 | "บรรเลงเพลงส่งวิญญาณ ตอน 2 The Requiem Quietly Plays, Part 2 鎮魂歌 (レクイエム)は静かに奏でられる その② (Rekuiemu wa Shizuka ni Kanaderareru Sono 2)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562 |
สมาชิกกลุ่มบูจาราตี้พยายามชิงลูกธนู แต่ก็พบว่าแชเรียท เรเควี่ยมมีความสามารถทำให้สแตนด์ของพวกเขากลับมาทำร้ายร่างต้น ฝ่ายบูจาราตี้สั่งมิซูต้าให้ยิงร่างของตนเองที่ยังไม่ได้สติซึ่งคาดว่ามีวิญญาณของเดียโบโร่อยู่ แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงการข้ามเวลา ขณะเดียวกันเดียโบโร่ก็ใช้คิง คริมสันเสียบร่างของโจรูโน่ที่มีวิญญาณของนารันช่าเข้าลูกกรงเหล็กที่ถูกหัก แม้ว่าโจรูโน่จะรักษาบาดแผลแล้วกลับเข้าร่างกายของตัวเองได้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตนารันช่าที่ตายไปต่อหน้าต่อตาได้ เนื่องจากเดียโบโร่ยังคงอยู่ โปลนาเรฟจึงอนุมานได้ว่าเดียโบโร่มีสองบุคลิกที่แตกต่างกัน และอนุมานว่าด็อปปิโอ้นั้นอยู่ในร่างของบูจาราตี้ ส่วนเดียโบโร่อยู่ในร่างของคนอื่น บูจาราตี้สันนิษฐานว่าเดียโบโร่สังหารนารันช่าเพื่อกำจัดเรดาห์ของกลุ่มบูจาราตี้ไม่ให้ถูกตรวจติดตามตนได้ จากนั้นทั้งกลุ่มก็ได้ไล่ตามเชเรียท เรเควี่ยม บูจาราตี้ขัดขาเชเรียท เรเควี่ยมล้มลงให้ปล่อยลูกธนู ฝ่ายโปลนาเรฟใช้ร่างเต่าคาบลูกธนูขึ้นมาได้เพราะตัวเขาไม่ได้เป็นผู้ใช้สแตนด์แล้ว โปลนาเรฟเรียกมิซูต้าให้ใช้ธนูแทงสแตนด์ของตัวมิซูต้าเองก่อนที่แชเรียท เรเควี่ยมจะกลับมาชิงลูกธนูคืน | ||||
36 | 149 | "เดียโบโร่โผล่หัว Diavolo Surfaces ディアボロ浮上 (Diaboro Fujō)" | ชินอิจิ อิโนสึเมะ | 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 |
37 | 150 | "สุดยอดราชันย์ King of Kings 王の中の王 (キング・オブ・キングス) (Kingu Obu Kingusu)" | คาซุุยูกิ ฟุเดยาสุ | 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 |
38 | 151 | "โกลด์・E・เรเควี่ยม Gold Experience Requiem / Golden Wind Requiem ゴールド・E (エクスペリエンス)・レクイエム (Gōrudo Ekusuperiensu Rekuiemu)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562[12] |
39 | 152 | "ทาสผู้หลับใหล The Sleeping Slave 眠れる奴隷 (Nemureru Dorei)" | ยาสุโกะ โคบายาชิ | 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562[12] |
เมนูนำทาง
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ: สายลมทองคำ รายชื่อตอนใกล้เคียง
โจโจ้ โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ: นักรบประกายดาว โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ (ซีรีส์อนิเมะโทรทัศน์) โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ: สายลมทองคำ โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ: สโตนโอเชียน โจโจ้ (โซโนะ ชิ โนะ ซาดาเมะ) โจโจ้ โจ๋ซ่าส์ ล่าข้ามศตวรรษ โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ: เครซี่ ไดอมอนด์ ด้วยรักและใจสลาย โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 8แหล่งที่มา
WikiPedia: โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ: สายลมทองคำ http://www.crunchyroll.com/anime-news/2018/07/05/j... http://jojo-animation.com/ https://www.animenewsnetwork.com/daily-briefs/2018... https://www.animenewsnetwork.com/news/2018-06-21/j... https://www.animenewsnetwork.com/news/2018-08-16/j... https://www.animenewsnetwork.com/news/2018-09-03/c... https://www.animenewsnetwork.com/news/2018-11-30/j... https://www.animenewsnetwork.com/news/2018-12-08/j... https://www.animenewsnetwork.com/news/2019-01-19/d... https://www.animenewsnetwork.com/news/2019-07-05/j...